Johari Window
เป็นเครื่องมือที่พัฒนาในปี 1955โดยนักจิตวิทยาสองท่านคือ Joseph Luft (1916–2014) and Harrington Ingham (1914–1995) พื้นฐานของ Johari Window เริ่มจากแบ่งตารางออกเป็นสี่ช่อง(ตามรูป) ดังนี้ 1.Open Area (Arena) ตำแหน่งอยู่มุมบนซ้าย ด้านนี้ทั้งตัวคุณเองและคนอื่นเห็นตรงกันว่าเป็นตัวคุณ (ตัวคุณในที่นี้ครอบคลุมถึงพฤติกรรม ความคิดความอ่าน ทัศนคติ ฯลฯ) ถ้าเปรียบกับจิตวิทยาสายจุง เรียกว่า Persona 2.Blind Area (Blind Spot) ตำแหน่งอยู่มุมบนขวา ด้านนี้ก็คือตัวคุณเช่นกันที่คุณไม่รู้ตัวหรือปฏิเสธมันแต่คนอื่นรับรู้ด้านนี้ของคุณได้ อันนี้บางทีมันก็ยากที่จะยอมรับ ถ้าเปรียบกับจิตวิทยาสายจุง เรียกว่า Shadow 3.Hidden Area (Facade) ตำแหน่งอยู่ล่างซ้าย ด้านนี้คุณรู้อยู่แก่ใจตัวเองดีแต่ไม่ได้เปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้ 4.Unknown Area (Unknown) ตำแหน่งล่างขวา ด้านนี้อาจเป็นดินแดนลึกลับที่ทั้งตัวคุณเองและผู้อื่น ซึ่งมันอาจเป็นด้านที่เราไม่เคยใช้ ด้านที่เราไม่เคยรับรู้ หรืออาจละเลยด้านนี้ไปเลยในตลอดชีวิตที่ผ่านมา เป้าหมายของ Johari Window คือขยาย Open Area ให้ใหญ่ขึ้น โดยใช้วิธีการดังนี้ 1.Ask for Feedback การถามให้ผู้อื่นสะท้อนความเป็นตัวเรา แต่ต้องแน่ใจว่าคนๆนั้นรู้จักเราดี (อาจเป็นครอบครัว หรือเพื่อน) อย่าคิดว่าเรารู้ไปหมดทุกอย่างแล้ว ส่วนตัวผมคิดว่าการรับ Feedback นี้บางทีก็เหมือนกับการโดนตัดสิน(Judge) โดยผู้อื่นซึ่งไม่น่าจะมีใครชอบ วิธีการอันหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้มาก็ลองใช้วิธีการตั้ง "สมมติฐาน" แทนก็ได้ว่าเขาคนนั้นคนนี้น่าจะเป็นอย่างไร ผมว่าคนฟังน่าจะรับได้ขึ้นนะ จะรับหรือไม่รับก็ขึ้นอยู่กับคนฟัง และมันเป็นการเอื้อให้เกิดพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยกันได้ดี 2.Self-Disclosure(เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัว) การที่เราเปิดเผยถึงควมคิด ความรู้สึก ความฝัน หรือเป้าหมายส่วนตัว ซึ่งการทำเช่นนี้เขาเชื่อว่าจะสร้างความน่าเชื่อถือ(Trust)ได้ดี แต่เขาก็เตือนด้วยครับว่าการที่เปิดเผยเรื่องราวภายในมากเกินไปก็อาจทำให้คุณสูญเสียการยอมรับนับถือได้เหมือนกัน 3.Self-Discovery เมื่อคุณเริ่มแบ่งปันเรื่องราวลึกๆส่วนตัวของคุณกับผู้อื่นได้แล้วมันก็เป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะค้นลึกไปในตัวเองได้มากขึ้น เขาเชื่อว่ายิ่งคุณแบ่งปันเรื่องราวลึกๆของตัวเองกับผู้อื่นได้มากขึ้นเท่าไรพื้นที่ในการที่คุณจะเข้าใจตัวเองก็จะมากขึ้นเท่านั้น 4.Others' Observation การที่มีกัลยาณมิตรพูดความจริงเกี่ยวกับตัวคุณมันก็ยากลำบากที่จะยอมรับ แต่การที่คุณเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นมองว่าคุณเป็นเช่นไรมันก็อาจทำให้คุณมองสิ่งต่างๆรอบตัวคุณเปลี่ยนไปก็ได้ 5.Shared Discovery การใช้พลังกลุ่มของวงคุยที่เป็นมณฑลแห่งพลัง มันอาจก่อให้เกิดปัญญาญาณร่วมกันขึ้นมาได้ หมายเหตุ คนที่มี Open Area ขนาดใหญ่น่าจะเป็นคนเปิดเผย พูดคุยด้วยง่าย เพราะมีความน่าไว้วางใจ ในขณะที่คนมี Open Area ขนาดเล็กจะเป็นคนที่คุยด้วยได้ยากกว่า เพราะอาจจะค่อนข้างปิดตัวเอง คนที่มี Blind Area กว้างขวางอาจจะสร้างปัญหาให้กับผู้อื่นได้มาก ขัดแย้งกับผู้อื่นบ่อยๆ เพราะเขาอาจจะมี Self-Esteem ต่ำ การใช้งาน Johari Window อาจเริ่มโดยใช้คำคุณศัพท์ต่างๆ 56 คำ ให้คุณและคนอื่นลองเติมคำไปในช่องต่างๆ ดูได้จากhttp://www.scribd.com/doc/45907658/Johari-Adjectives This Writing was inspired by https://www.facebook.com/photo.php?fbid=864682423629806&set=gm.725882910871118&&theater ที่มา http://coachwithsteve.com/…/07/19/opening-the-johari-window/ https://en.wikipedia.org/wiki/Johari_window http://www.mindtools.com/CommSkll/JohariWindow.htm
0 Comments
Leave a Reply. |